ในความสัมพันธ์เชิงอำนาจระหว่างครูกับนักเรียน ครูมักถูกมองว่าเป็นผู้มีอำนาจมากกว่าผู้เรียนอยู่เสมอ ซึ่งทางศูนย์ผู้หญิงเพื่อสันติภาพและความเป็นธรรมได้แบ่งประเภทอำนาจออกเป็น 3 แบบ ได้แก่ อำนาจเหนือกว่า อำนาจร่วม และอำนาจภายใน ที่สะท้อนลักษณะความสัมพันธ์เชิงอำนาจของคนในสังคม
อำนาจเหนือกว่า เป็นอำนาจที่บุคคลนำแหล่งอำนาจของตนเองมีอยู่มาใช้เพื่อให้ตนเองเป็นผู้คุมเกมหรือได้ประโยชน์ในสถานการณ์นั้น อำนาจร่วม เป็นอำนาจที่บุคคลใช้แหล่งอำนาจของตนเองเพื่อเปิดโอกาส สนับสนุน ให้ผู้มีแหล่งอำนาจน้อยกว่าได้เข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจร่วมกัน บนพื้นฐานของการให้ความเคารพในฐานะที่เป็นมนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
อำนาจภายใน คือ อำนาจที่อยู่ภายในตัวบุคคล ใช้เป็นแรงผลักดันเพื่อให้เกิดศักยภาพในตัวบุคคล ความคิดสร้างสรรค์ การเห็นคุณค่าในตนเอง และมักถูกใช้เพื่อรับมือกับอุปสรรคในชีวิตตลอดจนการต่อสู้กับความไม่เป็นธรรมในสังคม
เราจะพบว่าครูมีทั้งอำนาจเหนือกว่าและอำนาจภายในตนเอง ในขณะที่นักเรียนส่วนใหญ่มีเพียงอำนาจภายในเท่านั้น อย่างไรก็ดี เราสามารถจัดสรรความสัมพันธ์ของอำนาจทั้ง 3 แบบนี้ใหม่ให้เป็นไปในรูปแบบอำนาจร่วมเพื่อนำไปสู่การเกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมในชั้นเรียน และไม่ทำผู้เรียนตกเป็นเหยื่อของการใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม
ที่มา: อวยพร เขื่อนแก้ว. (2564). ห้องเรียนเปลี่ยนวัฒนธรรม ถอนรากถอนโคนการศึกษาแบบอำนาจนิยม #ให้มันจบที่รุ่นเรา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.).
อ่านและดาวน์โหลดได้ที่ : http://cclickthailand.com/book1/
...
แหล่งอำนาจของบุคคล มีที่มาทั้งจากสถานภาพที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด เช่น เพศ วัย วงศ์ตระกูล ถิ่นที่อยู่อาศัย ชนชั้นทางสังคม อาชีพ ยศตำแหน่ง ชื่อเสียง การเป็นสมาชิกกลุ่มหรือสังกัดหน่วยงานใด ๆ ระดับการศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจ รูปร่างและรูปลักษณ์ สีผิว เชื้อชาติ สัญชาติศาสนา ความรู้และประสบการณ์ ตลอดจนความเชื่อทางการเมืองและสังคม และอื่น ๆ ที่ส่งเสริมให้บุคคลนั้นมีอำนาจเหนือกว่า
เมื่อวิเคราะห์ดูแล้วก็จะพบว่าครูมีแหล่งที่มาของอำนาจมากกว่านักเรียนหลายเท่าตัว จากสถานภาพความเป็นครู วัยวุฒิ คุณวุฒิ ในขณะที่นักเรียนแทบจะไม่มีแหล่งที่มาของอำนาจเลย จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ครูต้องระมัดระวังในการใช้แหล่งอำนาจของตนเองในรูปแบบของการกดขี่หรือควบคุมนักเรียนให้เป็นไปตามที่ตนเองต้องการโดยไม่รู้ตัว ด้วยความเชื่อว่าการควบคุมนั้นเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบของตนเอง
ครูจึงจำเป็นต้องทบทวนตนเองอยู่เสมอว่า ในการใช้อำนาจของครูนั้นเป็นไปในลักษณะที่เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายหรือไม่ หรือได้สร้างให้เกิดผลกระทบต่ออารมณ์และจิตใจของนักเรียนอย่างไร และต้องแน่ใจว่าการใช้อำนาจนั้นจะไม่กลายเป็นการส่งต่อระบบอำนาจนิยมให้ดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ที่มา: อวยพร เขื่อนแก้ว. (2564). ห้องเรียนเปลี่ยนวัฒนธรรม ถอนรากถอนโคนการศึกษาแบบอำนาจนิยม #ให้มันจบที่รุ่นเรา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.).
อ่านและดาวน์โหลดได้ที่ : http://cclickthailand.com/book1/
...
ในระบบการศึกษาแบบไทยโดยภาพรวมเราปฏิเสธไม่ได้ว่าวัฒนธรรมแบบครอบงำนั้นมีอิทธิพลต่อการจัดการศึกษาชาติเป็นอย่างมาก จึงเป็นที่น่าสนใจว่าแนวคิดวัฒนธรรมแบบครอบงำนี้ถูกสอดแทรกผ่านเครื่องมือการจัดการศึกษาในรูปแบบใดบ้างจึงทำให้การศึกษาไทยยังก้าวไม่ข้ามกรอบแนวคิดการสร้างเด็กดีมีวินัยเสียที
ที่มา: อวยพร เขื่อนแก้ว. (2564). ห้องเรียนเปลี่ยนวัฒนธรรม ถอนรากถอนโคนการศึกษาแบบอำนาจนิยม #ให้มันจบที่รุ่นเรา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.).
อ่านและดาวน์โหลดได้ที่ : http://cclickthailand.com/book1/
...
ทุกวันนี้คำว่าอำนาจถูกพูดถึงอยู่ในทุกระบบโครงสร้างสังคมไทย หนึ่งในนั้นคือแนวคิดเรื่องอำนาจในระบบการศึกษา.ถ้าจะให้วิเคราะห์กันจริงจัง อาจจะต้องอ้างถึงไรแอน ไอสเลอร์ นักสังคมศาสตร์ชาวอเมริกัน เชื้อสายออสเตรีย ที่ได้พัฒนาทฤษฎีพัฒนาการทางวัฒนธรรมของมนุษยชาติ ซึ่งมีใจความว่าด้วยวิวัฒนาการทางวัฒนธรรมของโลกนั้นถูกขับเคลื่อนในรูปแบบวัฒนธรรมแบบครอบงำ และวัฒนธรรมอำนาจร่วม ซึ่งทั้งสองรูปแบบนั้นมีลักษณะที่แตกต่างกันตั้งแต่ระดับแนวคิดไปจนถึงผลลัพธ์การออกแบบในเชิงระบบโครงสร้างทางสังคม
แล้วอำนาจในระบบโครงสร้างการศึกษาไทยเป็นแบบไหนกันนะ?
ที่มา: อวยพร เขื่อนแก้ว. (2564). ห้องเรียนเปลี่ยนวัฒนธรรม ถอนรากถอนโคนการศึกษาแบบอำนาจนิยม #ให้มันจบที่รุ่นเรา. กรุงเทพฯ: มูลนิธิส่งเสริมสื่อเด็กและเยาวชน (สสย.)
อ่านเพิ่มและดาวน์โหลดได้ที่ : http://cclickthailand.com/book1/
...
“เท่าทันสื่อ สร้างเมืองด้วยมือของทุกคน” ได้รวบรวมแนวคิด ความเห็นและมุมมองจากกิจกรรมและการทดลองใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในโครงการย่อยของ MIDL for Inclusive Cities : สร้างเมืองของทุกคน รวมทั้งการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องเมือง สิทธิที่จะอยู่ในเมือง เมืองที่นับรวมทุกคน และเท่าทันสื่อ เท่าทันข้อมูลข่าวสาร เท่าทันดิจิทัลในบริบทของความเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมอีกด้วย
Download
...
หลังชมภาพยนตร์สารคดี Human Scale ที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการออกแบบและวางผังเมืองที่สั่นสะเทือนวงการสถาปนิกไปทั่วโลก กับโจทย์ใหม่ที่ว่าด้วยการออกแบบพื้นที่ที่ต้องมีการนับรวมชีวิตประจำวันของคนในเมืองเข้าไปด้วย ได้มีการเปิดเวทีแลกเปลี่ยนประเด็นที่พบจากภาพยนตร์ คุณเข็มพร วิรุณราพันธ์ ผู้จัดการสถาบันสื่อเด็กและเยาวชน ได้ให้มุมมองที่สำคัญไว้ว่า การสร้างให้เห็นเป็นตัวอย่าง เป็นสื่อที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อการสร้างการเปลี่ยนแปลง หากเราเปิดมุมมองให้คนเกิดความรู้สึกร่วมและสร้างความรู้สึกเป็นเจ้าของ ก็จะช่วยให้เขาสามารถลุกขึ้นมาเป็นตัวอย่างในการเปลี่ยนแปลงเมืองได้ #MIDLWEEK2018 #MIDLforInclusiveCities#Inclusivecity
...
เสียงสะท้อนจากมุมมองคนทำงานขับเคลื่อนการใช้ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล เพื่อสร้างการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงในระดับเมือง
จากงาน MIDL Week
2018: MIDL forInclusive Cities สร้างเมืองของทุกคน วันท่ี 3-4 พฤศจิกายน 2561 โรงแรมปรินซ์รามา กรุงเทพฯ
#MIDLWEEK2018 #MIDLforInclusiveCities #Inclusivecity
...
เสียงสะท้อนจากมุมมองคนทำงานขับเคลื่อนการใช้ทักษะการรู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล เพื่อสร้างการสื่อสารและการเปลี่ยนแปลงในระดับเมือง
"Talk...
การกลั่นแกล้งรังแกในโรงเรียนกลายเป็นเรื่องที่มีอยู่ทั่วทุกหัวระแหง ต่อไปนี้ เป็นประสบการณ์จากการทำงานวิจัยในสหราชอาณาจักร โดย นักวิจัยชื่อ อลิซาเบซ แนซเซม นักวิจัยแห่ง The Centre
for the Study of Practice and Culture in Education, Birmingham City University เธอทำวิจัยเรื่องนี้มานานกว่าทศวรรษและเสนอแนวทางเพื่อแก้ปัญหาเรื่องนี้ในระดับโรงเรียนและพบว่า แนวทางที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดคือการทำให้เด็ก ๆ มีบทบาทนำในการจัดการแก้ปัญหาดังกล่าว เธอเสนอ 5 วิธีที่ครูสามารถเริ่มต้นได้ ได้แก่
การปรับปรุงความเข้าใจเรื่องการกลั่นแกล้งรังแก ขอบเขตของการกลั่นแกล้งรังแกกว้างขวาง นับตั้งแต่การแกล้งหยอกล้อกันแบบเบา ๆ ไปจนถึงขั้นรุนแรง เช่น การตั้งฉายา หรือ การตบตี ซึ่งครูในโรงเรียนสามารถพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับประสบการณ์ที่พวกเขาพบเจอ หรือ ถามถึงสาเหตุว่า ทำไมถึงได้รังแกเพื่อน และคุยกับพวกเขาว่า ควรแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างไร บ่อยครั้งที่การกลั่นแกล้งรังแกกัน เกิดขึ้นเพื่อให้ตนเองได้เป็นที่นิยมชื่นชอบในหมู่เพื่อน หรือบ้างเป็นการลงมือทำเพื่อแก้เซ็ง...
การพัฒนาผู้เรียนแต่ละช่วงวัยให้เป็นพลเมืองประชาธิปไตยที่รู้เท่าทันสื่อ สารสนเทศ และดิจิทัล ควรครอบคลุมคุณลักษณะ ความรู้และทักษะ ในแต่ละมิติของการพัฒนา ดังต่อไปนี้
การพัฒนาช่วงวัย 1-5 ปีการพัฒนาช่วงวัย 6-12 ปีการพัฒนาช่วงวัย 13-18 ปีการพัฒนาช่วงวัย 18-25 ปีการพัฒนาช่วงวัย 25 ปี ขึ้นไป
...