ชุดนิทานภาพ “เด็กปฐมวัยรู้เท่าทันสื่อดิจิทัล” เข้าใจ เท่าทัน ประยุกต์ใช้ 6 เรื่อง สำหรับเด็กเล็กวัย 3-6 ปี ที่จะชวนมาเปิดมุมมองการใช้ชีวิตอย่างสมดุลในยุคดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้เวลากับสื่ออย่างเหมาะสม การรักษาความสัมพันธ์กับบุคคลรอบข้าง การรู้เท่าทันและการใช้ข้อมูลข่าวสารในสื่อ ฯลฯ ที่พ่อแม่ คุณครูปฐมวัย หรือผู้ใหญ่ในบ้านสามารถชวนเด็ก ๆ มาเรียนรู้ทักษะการรู้เท่าทันสื่อร่วมกันผ่านนิทานภาพชุดนี้
ทอฟฟี่มหัศจรรย์
เรื่อง: ดร.แพง ชินพงศ์ภาพ: ชาญศิลป์ กิตติโชติพาณิชย์
คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด
นกกะปูดตาแดง
เรื่อง: อัปสร เสถียรทิพย์ เข็มพร วิรุณราพันธ์ภาพ: ปรีดา ปัญญาจันทร์
คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด
ของใหม่กับเพื่อนเก่า
เรื่อง: รักษิตาภาพ: วชิราวรรณ ทับเสือ กฤษณะ กาญจนาภา
คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด
เม่นน้อยหลงทาง
เรื่อง: ฐิติกมล วทัญญุตานนท์ภาพ: Sawanee Draw
คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด
นางฟ้าน้อยกับแม่มดจิ๋ว
เรื่อง: ถิรนันท์ อนวัชศิริวงศ์ภาพ: พัดชา ดิษยนันทน์
คลิ๊กเพื่อดาวน์โหลด
อลิซในวันมหัศจรรย์
เรื่อง: สรานนท์ อินทนนท์ภาพ:...
>> ตรวจสอบความน่าเชื่อถือของข่าว>> วิเคราะห์จุดประสงค์ในการนำเสนอข่าว>> แยกแยะข้อเท็จจริงและข้อคิดเห็น>> รับข่าวสารโดยไม่ใช้อคติ>> ตรวจสอบข่าวปลอมที่มักเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต
#MIDL
...
แม้ว่าปัญหาข่าวปลอมจะได้รับการดูแลและจัดการจากภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งภาคกฎหมายและนโยบายการป้องกันจากหลายภาคส่วน แต่สิ่งที่น่ากังวลคือความไม่รู้เท่าทันข่าวสารของตัวผู้ใช้งานเองที่ตกหลุมพรางของผู้สร้างข่าวปลอม ดังนั้น ผู้รับข่าวสารเองควรมีทักษะในการรู้เท่าทันสื่อและรับมือกับข่าวปลอม 13 ทักษะสำคัญ คือ
>> 1. ตรวจสอบวันที่ ว่าข่าวปลอมนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันหรือไม่.>> 2. ตรวจสอบหลักฐาน แหล่งข้อมูลของผู้เขียน และการอ้างอิงจากผู้เชี่ยวชาญ.>> 3. สังเกตสิ่งผิดปกติ เช่น การสะกดคำผิด การจัดวางรูปแบบที่ดูไม่เป็นมืออาชีพเสียเท่าไหร่.>> 4. อย่าหลงเชื่อหัวข้อข่าว โดยเฉพาะพาดหัวข่าวที่สะดุดตา ใช้ตัวหนา เครื่องหมายอัศเจรีย์ (!) หรือการพาดหัวข่าวแบบหวือหวา.>> 5. พิจารณารูปภาพ ข่าวปลอมมักใช้ภาพหรือวีดีโอตัดต่อ บิดเบือน หรือบางครั้งใช้ภาพประกอบที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์.>> 6. ข่าวนั้นเป็นมุกตลกหรือไม่ เราต้องแยกให้ออกระหว่างข่าวปลอมกับมุกตลก มุกตลกล้อเลียนเสียดสีจะมีน้ำเสียงการเล่าเพื่อความสนุกสนาน.>> 7. ตรวจสอบข้อมูลสนับสนุน เช่น ข้อมูลประกอบบทความ ความสมเหตุสมผล และเนื้อหาการนำเสนอที่อาจถูกหยิบยกมาเพียงบางส่วน.>> 8. ตรวจสอบแหล่งข่าว...
สถานการณ์วิกฤต อย่างการระบาดของ COVID-19 ในปัจจุบัน ทำให้โลกออนไลน์มีการแชร์ข้อมูลกันอย่างเร่งรีบ และในบางครั้งเราตกลงปลงใจเชื่อข้อมูลข่าวปลอมนั้นโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะข้อมูลที่ถูกระบุว่าเป็นข่าวหรือเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญ ๆ
วันนี้ สสย. จะพาทุกท่านมาดูเหตุผลกันว่า ทำไมคนเราถึงหลงเชื่อข้อมูลข่าวปลอม ซึ่งสาเหตุหลัก ๆ น่าจะหนีไม่พ้น ...
ในภาวะข้อมูลล้นเกิน Fake News อาจปะปนมากับข้อมูลข่าวสารและอาจมาในหลากหลายรูปแบบ..วันนี้ สสย. จึงพาทุกท่านมาทำความรู้จักกับ 10 ประเภทของ Fake News ที่อาจจะช่วยคัดกรองเพื่อเป็นจุดสังเกตก่อนตัดสินใจเชื่อข้อมูลต่าง ๆ ที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ .. มีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย
#fakenews #newsliteracy
ข่าวพาดหัว ยั่วให้คลิก หรือ คลิกเบท (Clickbait) ข่าวที่ใช้คำหรือรูปภาพพาดหัวที่ทำให้ดูชวนสงสัยใคร่รู้ หรือดึงดูดใจให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไปคลิกเข้าไปอ่านผู้สร้างข่าวอาศัยประโยชน์จากความสงสัยโดยให้ข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆ พอชวนให้ผู้อ่านสงสัย แต่ไม่พอจะขจัดความสงสัยนั้น จนต้องคลิกเข้าไปดูเนื้อหานั้น ๆ ทั้งที่เนื้อข่าวอาจไม่คำนึงถึงคุณภาพหรือความถูกต้องของข้อมูล แต่การพาดหัวทำให้คนหลงกลคลิกเข้าไปเพื่อเรียกยอดวิวในเว็บไซต์นั่นเอง
โฆษณาชวนเชื่อ (Propaganda) เป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่มุ่งชักจูงทัศนคติของผู้รับสารต่ออุดมการณ์หรือมุมมองบางอย่างโดยการนำเสนอการให้เหตุผลเพียงข้างเดียว การโฆษณาชวนเชื่อ มักทำซ้ำและกระจายในสื่อหลายชนิดเพื่อหวังผลให้ผู้รับสารเชื่อและคล้อยตามอุดมการณ์ที่ผู้ส่งสารต้องการสื่อ
ข่าวแฝงการโฆษณา (Sponsored content, Native Advertising) รูปแบบโฆษณาที่ใช้รูปแบบเนื้อหาแนบเนียนกับเนื้อหาปกติในเว็บไซต์นั้น ๆ หรือแนบเนียนไปกับสิ่งแวดล้อมของแพลตฟอร์มของสื่อนั้น ๆ ที่เป็นอยู่ พร้อมทำหน้าที่ให้เนื้อหาที่คนต้องการรับรู้...
"4 ทักษะรับมือ FAKE NEWS สงสัย ให้เหตุผล สะท้อน และเปิดใจรับฟัง"
ที่มา NEWS LITERACY FRAMEWORK : The Economist / EDUCATIONAL FOUNDATION
...
“เท่าทันสื่อ สร้างเมืองด้วยมือของทุกคน” ได้รวบรวมแนวคิด ความเห็นและมุมมองจากกิจกรรมและการทดลองใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในโครงการย่อยของ MIDL for Inclusive Cities : สร้างเมืองของทุกคน รวมทั้งการทบทวนวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับแนวคิดเรื่องเมือง สิทธิที่จะอยู่ในเมือง เมืองที่นับรวมทุกคน และเท่าทันสื่อ เท่าทันข้อมูลข่าวสาร เท่าทันดิจิทัลในบริบทของความเป็นพลเมืองที่มีส่วนร่วมอีกด้วย
Download
...
เขียนและเรียบเรียง : ดร.สรานนท์ อินทนนท์
บรรณาธิการ : เข็มพร วิรุณราพันธ์, ลักษมี คงลาภ
ไม่เพียงแต่ผู้ใหญ่ที่ใช้เวลาหน้าจอมากขึ้น แต่จำนวนเด็กไทยที่มีพฤติกรรมติดหน้าจอเริ่มมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ เป็นเรื่องที่น่ากังวลมากที่พ่อแม่สมัยใหม่ใช้เทคโนโลยีในทางที่ผิด โดยปล่อยให้อุปกรณ์ดิจิทัลเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ดังที่เคยเห็นเด็กเล็ก วัยไม่ถึง 2 ขวบ สามารถใช้สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต หรือเครื่องมือสื่อสารอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ อย่างคล่องแคล่ว โดยพ่อแม่ไม่ทราบว่า หากใช้โดยไม่รู้เท่าทันเทคโนโลยี อุปกรณ์เหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและพัฒนาการของเด็กได้ เด็กไทยจำนวนไม่น้อยยังไม่สามารถสร้างความสมดุลระหว่างกิจกรรมที่ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอไม่ว่าจะเป็นสมาร์ตโฟน แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ หรือโทรทัศน์ กับกิจกรรมอื่น ๆ ได้
ดังรายงานสถานการณ์ของสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นในปี 2560 ที่พบว่าเด็กป่วยเป็นโรคติดเกมรายใหม่เข้ารับการรักษาเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ถึง 6 เท่าตัว และล่าสุดในปี 2562 องค์การอนามัยโลกได้ให้ความสำคัญต่อการใช้เวลาหน้าจอของเด็ก โดยการออกแนวทางแนะนำการใช้เวลาหน้าจอสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ดังนั้น การบริหารจัดการเวลาหน้าจอ (Screen Time Management) ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะความฉลาดทางดิจิทัล...
เขียนและเรียบเรียง : ดร.สรานนท์ อินทนนท์
บรรณาธิการ : เข็มพร วิรุณราพันธ์, ลักษมี คงลาภ
การเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัลจึงเป็นประเด็นที่พลเมืองดิจิทัลควรให้ความสำคัญไม่แพ้เรื่องอื่น การเรียนรู้มารยาททางอินเทอร์เน็ต (Digital Etiquette) และการเอาใจเขามาใส่ใจเราทางดิจิทัล (Digital Empathy) เป็นทักษะที่ช่วยให้เราใช้เทคโนโลยีอย่างมีจริยธรรม รู้จักการสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้งานอื่นด้วยมารยาทอันดี รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา โดยเข้าอกเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้ที่มีความแตกต่างจากเรา ไม่เพิกเฉยเมื่อเห็นผู้อื่นได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ถูกต้องในสังคม และมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สังคมให้ดีขึ้น อันเป็นคุณลักษณะของพลเมืองประชาธิปไตย
Download
...
เขียนและเรียบเรียง : ดร.สรานนท์ อินทนนท์
บรรณาธิการ : เข็มพร วิรุณราพันธ์, ลักษมี คงลาภ
ถึงแม้ว่าความรวดเร็วในการรายงานข่าวทางออนไลน์จะช่วยทำให้ผู้อ่านรับข้อมูลข่าวสารอย่างทันท่วงที แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นคือข่าวออนไลน์บางส่วนไม่ได้รับการกลั่นกรองคุณภาพและความถูกต้อง เนื่องจากเป็นสื่อที่เปิดกว้าง และไม่ได้ถูกจำกัดว่าเป็นข่าวนำเสนอจากสื่อมวลชนกระแสหลักแต่เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป นอกจากนี้ ข่าวที่นำเสนอผ่านทางหน้านิวส์ฟีดของโซเชียลมีเดียยังสามารถถูกส่งต่อหรือแบ่งปันให้ผู้อื่นอ่านต่อได้ในวงกว้าง ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการแพร่กระจายของข่าวสารอย่างรวดเร็วและสร้างอิทธิพลต่อความคิดของคนในสังคมเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ไม่หวังดีสร้างข่าวปลอมเข้ามาปะปนกับข่าวอื่นๆ บนโลกออนไลน์ จนทำให้ผู้อ่านหลงเชื่อข่าวปลอม ข่าวลือ หรือ ข่าวบิดเบือนเพราะไม่รู้เท่าทันสื่อเหล่านี้
พลเมืองดิจิทัลจึงควรมีทักษะในการรู้เท่าทันข่าว มีวิจารณญาณแยกแยะได้ว่าข่าวใดเป็นข่าวปลอม มีทักษะในการวิเคราะห์และตรวจสอบเพื่อที่จะได้ข้อมูลที่ถูกต้องในการแสดงความคิดเห็น รู้จักประเมินและเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสังคมประชาธิปไตยที่ผู้คนแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารและแสดงความคิดเห็นบนข้อเท็จจริงและเหตุผล
Download
...